ประวัติความเป็นมา


โรงเรียนอนุบาลทุ่งมน
ได้เล็งเห็นว่าการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกเกิด  ตั้งแต่ปฏิสนธิ  จนกระทั่งถึงอายุ 6-7 ปี  โดยประมาณ เป็นระยะที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาของเด็กทั้งร่างกาย  อารมณ์-จิตใจ สังคม  สติปัญญาและบุคลิกภาพ  เพราะเด็กในวัยนี้ถือว่าเป็นวัยทองของการพัฒนา  สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ  ได้อย่างรวดเร็ว  ประสบการณ์ที่เด็กได้รับในช่วงนี้  

จะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาการเรียนรู้เป็นอย่างดีเพื่อเป็นการส่งเสริมเด็กในวัยนี้ให้มีโอกาสได้รับการเตรียมความพร้อมได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึง  ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  พุทธศักราช2542จึงตัดสินใจตั้งโรงเรียนอนุบาลทุ่งมนขึ้นที่ชุมชนและชุมชนวัดป่าทุ่งศรีเมืองบ้านเลขที่  286/10 ถนนทุ่งศรีเมือง  อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมุ่งหวังว่าจะช่วยพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความพร้อมที่ดีทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย  อารมณ์-จิตใจสังคม  สติปัญญา และบุคลิกภาพ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจะดำเนินควบคู่ไปกับการเรียนรู้อย่างเป็นลำดับขั้นตอน  สอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน  อีกทั้งส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะกระบวนการที่ทำให้ผู้เรียนคิดเป็น  ทำเป็นแก้ปัญหาเป็น  เก่ง  ดีมีสุขเพื่อพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เมื่อนักเรียนศึกษาต่อในระดับชั้นประถมศึกษา จะส่งผลการเรียนให้เรียนให้อยู่เกณฑ์ที่ดีเยี่ยม  และเพื่อส่งเสริมโรงเรียนเอกชนให้เจริญก้าวหน้า

ผู้จัดตั้งโรงเรียนยังมีเจตนาที่จะช่วยเหลือแบ่งเบาภาระการจัดการศึกษาแก่รัฐบาล  จึงตัดสินใจดำเนินการโดยนางพรนิภา  พลาศรี

(นางพรวิมล) แลพนายสุทัศน์  พลาศรี ซึ่งทำงานอยู่ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์  ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงิน-การบัญชีระดับ

6  และนักวิชาการระดับ 6 สมัยนั้น  ได้ติดต่อขอซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง  (โฉนดเลขที่ 1 ต.กาฬสินธุ์  อ.เมือง  จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 2 ไร่ 2 งาน 65 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินเปล่า เป็นทุ่งนา) หลังจากได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว(เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2542)  โดยมีนายสนั่น  เกติยะ เป็นน้องชายนางพรนิภา  พลาศรี (นางพรนิภา) ซึ่งทำงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย ประจำที่โรงไฟฟ้าน้ำพอง อ.น้ำพอง  จ.ขอนแก่น  ตำแหน่งวิศวกรระดับ 5 สมัยนั้นเป็นผู้ร่วมลงทุนในการซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว  ในราคา 400,000  บาท (เงินในส่วนของนางพรนิภา  พลาศรี

 (นางพรวิมล) ได้มาจากขายรถยนต์,เงินส่วนหนึ่งของนายสนั่น เกติยะ ได้มาจากการเอาที่นาของคุณพ่อเข้าจำนองกับธนาคาร  ธกส. )
จุดประสงค์ในการซื้อที่ดินเพื่อที่จะจัดตั้งโรงเรียนอนุบาล  โดยแรงจูงใจที่อยากตั้งโรงเรียนมี  3 ประการ 

ประการที่ 1  เนื่องจากคุณพ่อหนูจันทร์  เกติยะ  คุณแม่ตา  เกติยะ  (ซึ่งเป็นคุณพ่อ  คุณแม่นางพรนิภา , นายสนั่น)  ท่านเป็นชาวนา  ได้ส่งเสริมให้ลูกๆ  ได้เรียนหนังสือในชั้นที่สูงขึ้นหลังจากจบการศึกษาชั้นประถม  ส่วนมากตามชนบทไม่นิยมส่งลูกเรียนต่อในชั้นที่สูงขึ้น  แต่คุณตาหนูจันทร์  เกติยะ  ท่านมองการณ์ไกล  ท่านคิดว่าอยากจะส่งให้ลูกๆ ได้เรียนในชั้นสูงๆ  เพื่อโตขึ้นจะได้เป็นเจ้านาย  (เจ้านายในชนบทในสมัยนั้นหมายถึงได้ทำงานในอาชีพรับราชการ)  หลังจากลูกๆ ได้เรียนจบและได้ทำงานราชการแล้ว  ลูกๆ จึงมีความอยากตั้งโรงเรียนเพื่อตอบแทนบุญ-คุณท่าน  ที่ท่านได้ลำบากทำงานทำงานรับจ้างหาเงินส่งลูกเรียน  เพราะจากการศึกษาในชั้นสูงจึงทำให้คุณภาพชีวิตลูกๆ ดีขึ้น

ประการที่ 2   เนื่องจากนายสุทัศน์  พลาศรี (สามีนางพรวิมล และเป็นพี่เขยนายสนั่น) ท่านเป็นข้าราชการปฏิบัติงานเกี่ยวกับโรงเรียนเอกชน  คลุกคลีอยู่กับหน่วยงานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) เป็นเวลายี่สิบกว่าปี  จึงมีความรู้  ความชำนาญในระเบียบ กฏหมาย  การจัดการ  และการบริหารงานเกี่ยวกับโรงเรียนเอกชนค่อนข้างดี     จึงอยากนำเอาความรู้และประสบการณ์เมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโรงเรียนของตนเอง
ประการที่ 3    เนื่องจากพี่-น้องของนายสนั่น เกติยะ ( นางสาวอรุณี เกติยะ นางหทัยกานต์ เกติยะ และนางงดงาม เกติยะ) ได้ทำงานเป็นครูโรงเรียนเอกชน สอนระดับอนุบาลมาหลายปี จนกระทั่งมีความรู้ ความชำนาญในด้านการสอน จึงมีความคิดที่จะให้พี่ – น้องตนเองมาปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นและเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูล
จากแรงจูงใจทั้ง 3 ประการ    จึงทำให้นายสุทัศน์ พลาศรี , นางพรนิภา พลาศรี และนายสนั่น เกติยะ ร่วมกันวางแผนงานที่จะจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลขึ้น โดยมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบดังนี้ 1. นายสุทัศน์ พลาศรี เขียนโครงการการตั้งโรงเรียน และดำเนินเกี่ยวกับเอกสารเพื่อขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย นางพรนิภา พลาศรี ติดต่อกู้เงินจากสถาบันการเงิน นายสนั่น เกติยะ วางแผนผังโรงเรียน อาคารเรียน แบบแปลนโรงเรียน ควบคุมการก่อสร้าง เนื่องจากช่วงแรกๆ ยังติดต่อกู้เงินจากสถาบันการเงินยังไม่ได้ นายสนั่น เกติยะ จึงได้กู้เงินจากหัวหน้าในหน่วยงาน จากเพื่อนๆ ร่วมงานและญาติๆ (รวมเป็นเงินประมาณ 4 ล้านบาท) มาเป็นทุนในการจัดตั้งโรงเรียน ช่วงระหว่างที่มีการจะจัดตั้งโรงเรียนได้มีเจ้าของที่ดินแปลนข้างเคียงกับที่ดินได้ซื้อแล้วมาติดต่อขายให้นายสนั่น เกติยะ จึงได้จัดการจัดการจัดซื้อที่ดินเพิ่มอีกจำนวน 4 ไร่ 2งาน (รวมดินที่ซื้อทั่งหมด 7 ไร่) โดยนายสนั่น เกติยะ มีความคิดว่าจะสร้างบ้านให้รอบโรงเรียน โดยให้โรงเรียนอยู่กลางชุมชน จึงได้ตัดสินใจซื้อที่ดินเพิ่ม โดยเริ่มจากการถมดิน หลังจากเจ้าของที่ดินได้ทำการเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ (ค่าถมดินไร่ละ 90,000 บาท) หลังจากถมที่ดินเสร็จได้แบ่งแยกที่ดินบางส่วนออกทำเป็นบ้านขาย และเหลือที่ดินสำหรับสร้างโรงเรียน จำนวน 2 ไร่ 2 งาน 65 ตารางวา จากนั้นได้ก่อสร้างอาคารเรียน โดยได้ฤกษ์ยกเสาเอกอาคารเรียนเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2543 และได้เริ่มทำการก่อสร้างอาคารเรียน (ค่าก่อสร้าง 1,200,000 บาท) ค่าสร้างรั้ว-ปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในโรงเรียน 300,000 บาท ค่าซื้อวัสดุครุภัณฑ์การเรียนการสอน 200,000 บาท และวันที่ 29 ตุลาคม 2543 ได้ทำการก่อสร้างแล้วเสร็จ วันที่ 30 ตุลาคม 2543 ได้ทำพิธีพราหมณ์ขึ้นอาคารเรียน และวันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 ได้เริ่มเปิดทำการเรียนการสอน โดยมีนักเรียนเริ่มแรกประมาน 30 คน